แชร์ผลลัพธ์ใช้แอพ ออกกำลังกายที่บ้าน สร้างซิกแพคใน 12 สัปดาห์

0 Shares
0
0
0

ปกติเวลาออกกำลังกาย ผมก็มักจะเข้าฟิตเนสบ้าง ออกไปวิ่งข้างนอกบ้าง แต่สถานการณ์ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นฝุ่นหรือไวรัส ทำให้ใครหลายคนไม่อยากออกจากบ้านไปออกกำลังกายที่ไหนเลย พาลให้ผมนึกย้อนกลับไป 1 ปีที่แล้วสมัยเรียนอยู่ที่อังกฤษ เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่หนาวมากจนต้องยอมยกธงขาว เลิกออกจากบ้านไปฟิตเนสเพราะเกลียดอากาศเย็นเป็นที่สุด ตอนนั้นผมขังตัวเองอยู่ในบ้าน ผมก้มมองหน้าท้องตัวเองที่กำลังกลายเป็นพุงบวมขึ้นทุกวันบ่อยๆ จนถึงจุดแตกหักที่คิดว่า เราจะรอให้สถานการณ์ข้างนอกมันดีแล้วค่อยออกไปสร้างซิกแพคไม่ได้แล้วแหละ ถ้าเราเปลี่ยนอากาศไม่ได้ ทำไมเราถึงไม่ลองเปลี่ยนตัวเราเองดูล่ะไอ้บ้าเอ้ย! สุดท้ายก็เลยตัดสินใจดาวน์โหลดแอพออกกำลังกายแบบบอดี้เวท ที่ไม่ต้องมีอุปกรณ์ก็เล่นคูลๆ ได้มา “ออกกำลังกายที่บ้าน” มันซะเลย

คนในภาพกำลังสำนึกว่าบอดี้เวทมันเหนื่อยและเรียกเหงื่อได้มากขนาดไหน หลังจากที่เขาประเมินระดับความเข้มข้นของมันต่ำไป 555

“บอดี้เวท” คืออะไร?

อธิบายอย่างง่าย ถ้าเวทเทรนนิ่ง (weight training) ในฟิตเนส คือการออกกำลังกายโดยใช้น้ำหนักจากอุปกรณ์ต่างๆ เจ้าบอดี้เวท (bodyweight) มันก็คือการใช้น้ำหนักตัวของเราในการออกกำลังกายครับ และท่าที่เล่นส่วนมากจะเป็นท่าแบบ compound movement หรือท่าที่ต้องใช้กล้ามเนื้อหลายๆ มัดร่วมกันในการออกกำลังกาย และจากประสบการณ์ตรง พูดจากใจจริงครับ มันดูเหมือนจะไม่เหนื่อย แต่พอได้เล่นจริงๆ มันเหนื่อยมากกกกกกกกกกกกก (คิดว่า ก.ไก่ เท่านี้ก็คงไม่พอ) การที่จะรักษาไว้ซึ่งวินัย ผมต้องต่อสู้กับความคิดและความขี้เกียจของตัวเองพอสมควร หลายครั้งที่นั่งทำใจครึ่งชั่วโมงก่อนจะเริ่มเล่น แต่ก็ลงเอยด้วยความฟินหลังจากเล่นเสร็จทุกครั้งไป


“ออกกำลังกายที่บ้าน” ได้ผลจริงเหรอ?

นี่คือคำถามที่หลายคนน่าจะกำลังสงสัย ออกกำลังกายที่บ้าน มันช่วยให้มีซิกแพคหรือเบิร์นได้ดีจริงๆ เหรอ และผมก็ขอตอบว่า “เฮ้ย ได้ผลสิ” บอดี้เวทช่วยเบิร์นเยอะมากกว่าที่ผมคิดไว้อีกครับ และไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อะไรเลย ขอแค่พื้นที่ว่างๆ เล็กๆ ที่ข้างๆ หรือปลายเตียง ห้องครัว หรือโถงทางเดินก็สามารถเล่นได้แล้ว ถ้าใครที่ฟอล instagram ผมอยู่สมัยที่ผมยังเรียนอยู่ที่อังกฤษ จะเห็นผมโพสรูปและคลิปก่อน – หลังออกกำลังกายเยอะมากในช่วง 3 เดือน (มกราคม – เมษายน 2019) และผมก็ภูมิใจกับผลลัพธ์ที่ออกมาหลังจากเล่นไป 12 สัปดาห์มากๆ ครับ

(ภาพซ้ายสุด) 1 มกราคม คือช่วงที่กำลังจะเริ่มออกกำลังกายครับ
เดือนกุมภาพันธ์คือออกกำลังกายแบบไม่มีดื้อ ไม่งอแง ไม่อู้ ครบทุกเซ็ตทุกรอบตามที่แอพบอก
เดือนมีนาก็สม่ำเสมอ ก่อนจะไปสิ้นสุดในวันที่ 1 เมษายน (ขวาสุด) ซึ่งภาพนี้ถ่ายที่บ้านพักระหว่างเที่ยวในประเทศไอซ์แลนด์ หลังออกกำลังกายเสร็จครับ

ผลลัพธ์ที่ชัดๆ เลยคือร่างกายกระฉับกระเฉงขึ้น น้ำหนักลดลงไปบ้าง ห่วงยางหน้าท้องหายไปและเผยให้เห็นกล้ามท้องที่ซ่อนอยู่ใต้ชั้นไขมันอย่างชัดเจนขึ้นครับ มีคนถามว่า “ต้องเล่นท้องเยอะเลยใช่ไหม?” ไม่ครับ! ตลอด 12 สัปดาห์นี้ผมไม่ได้เล่นท้องเยอะเลย ความจริงแล้ว ผมว่ากุญแจสำคัญคือการออกกำลังกายกล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆ เช่นขา ซึ่งมีเยอะมากตลอดโปรแกรม ร่วมกับกล้ามเนื้อมัดเล็กอื่นๆ เช่นไหล่ แขน ซึ่งจะต้องเผาผลาญพลังงานเยอะ ทำให้ไขมันที่ถูกสะสมในส่วนต่างๆ ของร่างกายรวมถึงหน้าท้องถูกดึงไปใช้เยอะครับ นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องการคุมอาหาร ผมงดของทอด คุมของหวาน กินผักเยอะขึ้นต่อมื้อโดยเฉพาะบรอกโคลี น้ำหนักผมลดลงไป 3 กิโลกรัม ท้องลีนลงอย่างเห็นได้ชัดเจน เช่นเดียวกันกับซิกแพคที่โผล่มาให้เห็นตลอดวันมากขึ้น

ความสัมพันธ์แบบมีบรอกโคลีเป็นพาร์ทเนอร์ 😂

แล้วใช้แอพอะไร?

ผมใช้แอพ “adidas training” ครับ เป็นแอพออกกำลังกายแบบบอดี้เวท ซึ่งมีทั้งแบบเล่นฟรี ไม่เสียเงินเลย แต่ถ้าเสียเงินเพิ่มเพื่อ Premium Membership ก็จะได้เล่นโปรแกรมอื่นๆ ที่มีอีกมากมายเช่น 12-week body transformation ที่ผมเล่นอันนี้ครับ โดยแอพก็จะจัดสรรท่าเล่นให้เหมาะกับเรา สำหรับเรื่องท้องที่หลายคนถาม แอพนี้จัดให้ผมเล่นบอดี้เวทแบบเน้นท้องจริงๆ แค่สัปดาห์ละหนึ่งวันเท่านั้นและผมไม่ได้เล่นท้องเพิ่มเองนอกจากนี้อีกเลย เรายังสามารถเลือกได้ว่าจะเล่น 3, 4 หรือ 5 วันต่อสัปดาห์ และแอพจะให้เราประเมินหลังเล่นเสร็จแต่ละครั้งด้วยครับว่าวันนี้ยากไปหรือง่ายไป รวมถึงมีเทคนิคการกินและพักผ่อนให้ทุกสัปดาห์ เอาไปปรับใช้กันได้ครับ

“adidas training” app / photo from runtastic.com

ทีนี้เวลาไปเที่ยว ไปทำงาน หรือจะหนีฝุ่นอยู่บ้านก็สามารถลองเปิดเล่นสนุกๆ กันได้ครับ เรื่องแบบนี้ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งได้เปรียบฮะ การดูแลตัวเองแม้จะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนในวันนี้ แต่มันเป็นเรื่องสำคัญ หากเราปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไม่ใส่ใจเลย การดูแลตัวเองอาจจะกลายเป็นเรื่อง “ฉุกเฉิน” ในวันที่ใกล้จะสายไปครับ ดังนั้น หากใครกำลังลังเลว่าจะเสียเงินราวๆ 1,500 บาท/ปี แลกกับการได้ผู้ช่วยออกกำลังกายดีมั้ย ผมก็อยากให้มองว่าการเสียเงินเพื่อดูแลสุขภาพตัวเองมันคือการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยมากและจะไม่มีวันขาดทุนถ้าเรา “ให้ความสำคัญ” และ “ให้เวลา” กับมันฮะ 😘

หากใครสนใจลองโหลดแอพมาใช้ดูได้เลยครับ หรือถ้าใครกำลังใช้แอพอื่นที่เจ๋งๆ นอกจาก adidas training ก็ลองแนะนำเข้ามาผ่าน comment ด้านล่างนี้ได้เลยนะครับ

0 Shares
2 comments
  1. เคยลองทำตามอยู่ช่วงหนึ่ง แต่สุดท้ายแพ้ใจตัวเอง 555555555

    1. กลับไปพักรบให้หายเหนื่อย แล้วกลับไปรบกันมันใหม่ก็ได้ครับ ผมเป็นบ่อยมาก 5555

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *