Q&A เข้าตู้อบผิวแทนมันเป็นยังไง?

0 Shares
0
0
0
เรื่องของสีผิวนี่เป็นความชอบส่วนตัวมากครับ บางคนชอบผิวสีสว่างๆ บางคนชอบผิวสีแทน ผมเองก็ชอบที่จะมีผิวแทน (แต่สำหรับแฟน ผิวสีไหนก็ได้แหละครับ อิอิ)​ หลายคนพยายามจะทำผิวตัวเองให้แทนด้วยการนอนอาบแดด ซึ่งผมก็เคยครับ นอกจากจะแทนแล้วยังไหม้ แถมได้ผิวลอกครอบกลับมาด้วยอีกต่างหาก ทีนี้ผมก็เลยลองมองหาวิธีอื่นที่จะได้ผิวแทนโดยไม่ต้องนอนอาบแดดเป็นเวลานานๆ ก็เลยมาเจอกับตู้อบผิวแทนครับ

สำหรับ EP นี้ใน BrightsideLooker! ผมจะมาตอบคำถามเรื่องการอบผิวแทนผ่านตู้อบแบบนี้ โดยคำถามทั้งหมดผมได้รวบรวมมาจาก instagram ของผมเองครับ และต้องขอย้ำชัดๆ ขีดเส้นใต้สิบห้าเส้นตรงนี้ว่า เนื้อหาด้านล่างทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์โดยตรงของผมเอง เกิดมาจากสิ่งที่ผมได้สัมผัส ลองทำ และเรียนรู้ ซึ่งอาจจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และร้านไม่ได้ทำการสปอนเซอร์แต่อย่างใดครับ ผมจ่ายเอง อบเอง รีวิวเอง นักเลงพอมั้ยครับ 555 เอาล่ะครับ ไปกันเลย!


Q: ไปอบผิวแทนที่ไหน?

A: ร้านที่ผมไปอบผิวแทนคือ BKKSUN Tanning Studio ครับ เป็นร้านที่มีผู้ใช้บริการเยอะทีเดียว สถานที่ก็หาได้ง่ายไม่ลำบากลำบนแต่อย่างใด เพียงลงรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีทองหล่อ ปรี่ไปยังทางออกที่ 2 จากนั้นเดินต๊อกๆ 350 เมตร หรือประมาณ 4 นาที เข้าซอยสุขุมวิท 34 แล้วเราก็จะจ๊ะเอ๋กับร้านที่อยู่ทางด้านขวามือครับ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 2 ทุ่มครับ ที่ร้านมีบริการเนรมิตผิวแทน 2 แบบด้วยกันตั้งแต่อบในตู้ ที่มีทั้งแบบยืนและแบบนอน และการพ่นสเปรย์สีแทนครับ

ผมที่เพิ่งรบกวนให้พี่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ถ่ายรูปคู่กับป้ายร้านให้ มุมนี้ก็เป็นมุมมหาชนอีกมุมหนึ่งครับ
Q: ตอนอบร้อนไหม? เหงื่อออกเยอะไหม?

A: ผมเคยอบผิวแทนเฉพาะในตู้แบบยืน ซึ่งไม่ร้อนครับ ผมขอเรียกว่ามันอุ่นๆ มากกว่า อุ่นเพียงพอที่ทำให้เหงื่อออกได้เพียงเบาๆ เท่านั้นครับ ในตู้อบมีพัดลมที่ปล่อยลมจากด้านบนของตู้ ช่วยระบายอากาศและทำให้รู้สึกสบายขึ้นจากความอุ่นนี้ด้วยครับ ส่วนเหงื่อจะเยอะแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ในตู้นานแค่ไหน ผมอยู่ในตู้ 10 นาที เหงื่อออกขลุกขลิกประมาณผิวเปียกชุ่มเล็กๆ แต่ไม่ถึงกับไหลเป็นทางยาวครับ

Q: ต้องทาอะไรและใส่อะไรก่อนเข้าไปในตู้บ้าง?

A: ทาอะไรก่อนเข้า? ผมทาครีมสำหรับอบแทนด้วยตู้ ย้ำว่าต้องเป็นครีมเฉพาะสำหรับอบตู้เท่านั้นนะครับ ครีมสำหรับนอนอาบแดดกลางแจ้งใช้ไม่ได้ครับ ซึ่งครีมเหล่านี้เราจะซื้อข้างนอกแล้วพกไปใช้ที่ร้านก็ได้ หรือจะซื้อจากหน้าเคาน์เตอร์ที่ร้านก็ได้ครับ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับครีมสามารถสอบถามพนักงานได้เลย ซึ่งพนักงานที่ร้านเป็นมิตรและให้ข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติของครีมแต่ละตัวดีมากๆ ครีมที่ผมเลือกใช้คือ Confident by Gentlemen ซึ่งจะทำให้ผิวเป็นสีคาราเมลน่ากิน 555 ซึ่งเอาจริงๆ ส่วนตัวผมคิดว่าไอ้เจ้าครีมนี่แหละครับที่ราคาแรงกว่าค่าอบผิวอีก

นอกจากนี้ผมทาครีมกันแดดที่หน้าครับ ผมรู้สึกว่าผิวหน้าเป็นส่วนที่ sensitive มากๆ เลยทาครีมกันแดดที่หน้าไว้หน่อย อีกข้อที่อยากให้รู้ไว้ก่อนคือแสงที่ออกมาจากบริเวณหลอดไฟด้านบนสุดและล่างสุดของตู้จะไม่แรงเท่าส่วนตรงกลางครับ นั่นเลยทำให้หน้าและคอและเท้าจะไม่แทนมากเท่าส่วนอื่น แต่ไม่ต้องกลัวว่าหน้าจะขาวและตัวจะแทนดูเป็นสัตว์ประหลาด มันไม่ได้มีความแตกต่างกันมากเลย มันจะเนียนๆ กลืนๆ ไปหมดทั้งตัวครับ

แล้วใส่อะไรตอนเข้า? จำเป็นมากทีต้องใส่แว่นปิดตาตอนเข้าตู้ครับเพื่อป้องกันแสงเข้าดวงตาโดยตรง โดยที่ผมก็จะใส่แว่น หลับตา แล้วก็ร้องเพลงอยู่ในตู้ครับ 555 และผมก็ใส่กางเกงว่ายน้ำเข้าไปด้วยเพื่อสร้างแทนไลน์ (tan line) ครับ นั่นคืออยากให้บริเวณที่ใส่กางเกงและไม่โดนแสงยังมีสีผิวเดิมอยู่ ตัดกับสีผิวบริเวณที่เหลือที่โดนแสงจากการอบ มันก็จะดูเหมือนคนที่ใส่กางเกงนอนอาบแดดที่ทะเลครับ ความชอบส่วนตัวล้วนๆ 555

Q: แก้ผ้าเลยได้มั้ย?

A: ทำได้เลยครับ ถ้าไม่ต้องการมีแทนไลน์และอยากได้ผิวสีแทนเสมอกันทั้งตัวนะครับ สำหรับคนที่กลัวจะโป๊ ก็ขอบอกว่าห้องอบแทนที่นี่มีความเป็นส่วนตัวครับ ตู้อบแทนแต่ละตู้จะอยู่ด้านในห้องส่วนตัวที่มีโซ่ล็อค ดังนั้นใครจะแก้ผ้าทาครีมก่อนเข้าตู้ ก็แก้มันในห้องนั้นแล้วเดินเข้าตู้ได้เลย ไม่มีคนเห็น ไม่มีคนแอบดูแน่นอนจ้า

Q: อบครั้งหนึ่งใช้เวลานานไหม?

A: ในครั้งแรกที่ทำ ผมเริ่มจากอบในตู้ 3 นาที จากนั้นก็ยาวขึ้นเป็น 6 นาทีและ 10 นาทีครับและไม่เคยเกินกว่านี้ (ทางร้านไม่ให้อบนานเกิน 10 นาที) แต่ละครั้งที่ผมไปอบผิว ผมจะทำการตกลงเวลาที่จะอยู่ในตู้กับพนักงานที่เคาน์เตอร์ก่อนครับ จากนั้นตู้อบแทนจะทำการเซ็ทเวลาโดยอัตโนมัติจากคอมพิวเตอร์ของที่ร้าน ตอนเราอยู่ในตู้ จะเห็นแผงควบคุมที่เราจะต้องกด START เพื่อเริ่มการอบ จากนั้นไฟในตู้จะสว่างขึ้นและมีตัวเลขขึ้นมาที่หน้าปัดซึ่งจะแสดงนาทีที่เหลือในตู้ครับ (นับถอยหลังนั่นเอง) ย้ำแบบชัดๆ อีกครั้งว่าอย่าเพิ่งเริ่มอบนาน 10 นาทีเท่าผมนะครับ เพราะผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะไม่เหมือนกัน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรึกษาพี่ๆ พนักงานที่หน้าร้านก่อนครับ ยิ่งถ้าเป็นครั้งแรกที่ไปอบผิวนั้น พี่ๆ พนักงานจะทำการทดสอบสภาพผิวของเราก่อนใช้บริการด้วยครับ

Q: ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างจากตอนก่อนอบอย่างไรบ้าง?

A: สำหรับตัวผมเอง ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าไปทำครับ เนื่องจากใส่กางเกงว่ายน้ำเข้าไปด้วย จึงมีแทนไลน์เกิดขึ้นชัดมาก จากรูปด้านล่างจะเห็นความแตกต่างของสีผิวบริเวณที่โดนแสง และบริเวณที่มีสติ๊กเกอร์กระต่ายปิดไว้ซึ่งไม่โดนแสง นอกจากนี้บริเวณผิวที่โดนแสงยังมีสีเนียนสม่ำเสมอขึ้นมากกว่าแต่ก่อนครับ

Q: แล้วบริเวณที่ไม่แทนต้องทำไง?

A: สำหรับผิวส่วนที่ไม่แทนคือผิวใต้กางเกงว่ายน้ำที่ผมใส่ครับ ซึ่งผมไม่ทำยังไงครับ ผมชอบให้มีแทนไลน์แบบนี้ และปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นแหละฮะ ซึ่งอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนนะครับว่าอยากให้มีแทนไลน์แบบไหน ทรงไหน ตรงไหน

จากรูปนี้ทุกคนน่าจะเห็นแทนไลน์ของผมชัดเจนนะครับ อ้อ บริเวณที่ผม selfie เป็นมุมยอดฮิตของร้าน ที่ใครมาถึงก็ต้องถ่ายรูปตัวเองกับกระจกนี้ ด้านหลังกระจกบานนี้เป็นห้องน้ำ/ห้องอาบน้ำ และด้านหลังผมเป็นตะกร้าใส่ผ้าขนหนูที่ใช้แล้ว ใครใช้ผ้าขนหนูที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ในห้องแล้วอย่าลืมหยิบออกมาใส่ตะกร้านี้หลังใช้เสร็จด้วยนะครับ 😉

Q: หลังอบผิวแห้งไหม? ต้องทามอยส์เจอไรเซอร์ตามไหม?

A: จากประสบการณ์ ผมขอแยกคำตอบเป็นสองส่วนนะครับ ส่วนแรกคือหลังอบ “ทันที” ผิวไม่แห้งครับ เพราะครีมที่ทาก่อนเข้าตู้อบมีส่วนผสมที่เพิ่มและรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่ครับ ดังนั้นตอนออกมาจากตู้ ผิวก็ยังคงชื้นๆ เหนอะๆ จากครีมที่ทารวมไปถึงเหงื่ออยู่ ซึ่งทางร้านก็ได้เตรียมผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ไว้สำหรับเช็ดตัวให้ในห้องอยู่แล้วครับ

และสำหรับคำตอบที่สอง หลังอบผิวไปแล้วช่วงหนึ่ง ผมก็ไม่พบว่าผิวผมแห้งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวตามธรรมชาติของแต่ละคนครับ ใครที่ผิวแห้งอยู่แล้วก็ควรทามอยซ์เจอไรเซอร์ตามเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวฮะ

Q: การอบผิวแทนมีความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังไหม?

A: นี่เป็นคำถามที่หลายๆ คนกังวลครับ ไม่ต่างจากผม และผมก็ได้ทำการปรึกษาพี่ที่เป็นทั้งนักวิ่งด้วยกันและเป็นแพทย์ผิวหนังด้วย ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนสีผิวให้แทนผ่านการอบในตู้หรือนอนอาบแดดกลางแจ้ง ต่างก็มีความเสี่ยงด้วยกันทั้งคู่อยู่แล้วครับ แต่มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน โดยทั่วไปแล้ว มี 3 ปัจจัยที่จะทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังครับ นั่นคือ

  1. การใช้ชีวิตหรือทำงานใกล้ชิดหรือคลุกคลีกับสารเคมีบางอย่าง
  2. ลักษณะผิว ซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละชาติพันธุ์
  3. กรรมพันธุ์ หากมีประวัติว่ามีคนในครอบครัวเคยเป็น ตัวเราก็อาจจะมีความเสี่ยงด้วย

ซึ่งเมื่อมาถึงการอบผิวแทนนั้น แพทย์แนะนำว่าการทาครีมป้องกันความเข้มข้นของ UVA/UVB ที่จะมากระทบกับผิวและการลดความถี่ในการอบอาจจะช่วยลดความเสี่ยงได้ และแพทย์ก็บอกอีกว่าผิวคนไทยมีความเสี่ยงน้อยกว่าฝรั่งเพราะมีระดับเมลานีนที่สูงกว่า แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีความเสี่ยงเลยนะครับ รวมถึงปัจจุบันยังไม่มีการรายงานเคสคนไข้ผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังในไทยที่สืบทราบได้ว่าการเข้าตู้อบผิวแทนเป็นสาเหตุโดยตรงของโรคครับ

ตัวผมเองก็ไม่ได้อบผิวแทนตลอดทั้งปี แต่เลือกที่จะทำก่อนช่วงที่จะมี event ที่ต้องเผยผิวครับ (ชอบศัพท์นี้มากๆ 555) เช่น การไปเที่ยวทะเล อย่าลืมว่าแม้ร่างกายเป็นของเรา ก็จงใช้อย่างระมัดระวัง ทุกอย่างมีสองด้าน พิจารณาข้อมูลให้ถี่ถ้วน ข้อมูลจากแพทย์ที่ผมให้ไปก็เพื่ออยากให้ได้ตระหนักแต่อย่าตระหนกครับ และแม้ว่าบางคนเลือกที่จะเลี่ยงการอบผิวแทนเพราะกลัวมะเร็ง แต่ก็อย่าลืมว่ายังมีปัจจัยอื่นๆ ในชีวิตอีกมากมายที่สร้างความเสี่ยงต่อมะเร็งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารประเภทปิ้งย่าง การใช้สารเคมีบางอย่างกับร่างกายติดต่อกันเป็นเวลานาน เป็นต้นครับ

สำหรับผมสิ่งที่น่ากลัวไม่น้อยไปกว่ามะเร็งเลยคือค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคมะเร็งครับ ซึ่งการทำประกันที่ครอบคลุมการรักษาโรคมะเร็งจะช่วยให้เราสบายใจและตัดกังวลเรื่องนี้ไปได้เยอะเลยทีเดียว สำหรับใครที่สนใจประกันที่ดูแลโรคร้ายแรงรวมไปถึงโรคมะเร็งสามารถติดต่อผมได้ครับ อย่าลืมนะครับว่ายิ่งซื้อในขณะที่อายุยังน้อยยิ่งราคาถูก และเราสามารถซื้อประกันเหล่านี้ได้เฉพาะในช่วงที่ยังแข็งแรงและไม่มีคำวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นมะเร็งเท่านั้น หากเป็นแล้วต่อให้มีเงินเยอะแค่ไหนก็ซื้อไม่ได้แล้วนะครับ 😁
Q: อบบ่อยแค่ไหน? ต้องทำกี่ครั้งถึงจะแทน?

A: 3 เดือนที่ผ่านมานี้ผมอบไปทั้งหมด 7 ครั้งครับ ซึ่งความถี่ที่มากที่สุดที่ผมเข้าไปอบคือ 2 ครั้ง/สัปดาห์ แต่ละครั้งห่างกัน 3-4 วัน มีบางสัปดาห์ไม่ได้เข้าไปเลยครับ สำหรับคนที่อยากอบด้วยความถี่เดียวกับผมหรือแตกต่างจากผมควรปรึกษาพนักงานเพื่อความปลอดภัยของตัวเองก่อนทุกครั้ง ประกอบกับตระหนักถึงคำแนะนำจากแพทย์ในคำถามด้านบนด้วยนะครับ

สำหรับผมแล้ว ผิวแทนขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปอบ และค่อยๆ เพิ่มดีกรีความแทนขึ้นไปอีกในครั้งต่อๆ ไป ภาพข้างล่างคือการอบครั้งที่สองที่ห่างจากครั้งแรกประมาณ 2-3 สัปดาห์ครับ (สาเหตุที่เอาครั้งที่สองมาลงเพราะครั้งแรกลืมถ่ายรูปที่เห็นแทนไลน์) ล่าสุดผมไม่ได้ไปอบมาราวๆ เกือบเดือน ความแทนของผิวและแทนไลน์ยังปรากฏให้เห็นชัดอยู่เลยครับ

Q: กลัวอบแล้วจะแทนเกินไป มีเทคนิคยังไงให้ออกมาแทนส้มๆ?

A: ผิวจะแทนระดับไหนขึ้นอยู่กับลักษณะของผิวเดิม ครีมที่ใช้ และระยะเวลาในการอยู่ในตู้อบครับ ดังนั้นอยากให้ปรึกษาพนักงานก่อนใช้บริการนะครับ มีครีมหลายแบบขายอยู่ที่เคาน์เตอร์ครับ 🙂

Q: ค่าใช้จ่ายเป็นยังไง?

A: เอาล่ะครับ หลังจากตอบมาทุกคำถามแล้ว ข้อนี้น่าจะเป็นข้อที่หลายคนอยากรู้ที่สุด
โดยปกติแล้วถ้าเราทำการอบผิวแทนเพียงครั้งเดียว ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 799 บาท/ครั้งครับ และมีคอร์สซึ่งจะทำให้ราคาอบในแต่ละครั้งเมื่อหารดูแล้วถูกลงครึ่งหนึ่งเลยครับ เช่นคอร์สที่ผมซื้อ อบ 9 ครั้ง 3,650 บาท ตกอยู่ที่ครั้งละ 405 บาท แต่ทางร้านก็จะมีโปรโมชั่นออกมาเรื่อยๆ เช่นโปรโมชั่นปัจจุบันที่จะหมดวันที่ 25 กันยายนนี้คือซื้อแพ็คเกจ 3,650 บาท อบ 9 ครั้ง แถม 3 ครั้ง ตกครั้งละ 304 บาทเท่านั้นเองครับ ใครสนใจอยากเป็นคนแรกที่รู้โปรโมชั่นใหม่ๆ แนะนำให้ไปกดฟอล instagram และ facebook page ของทางร้านได้เลยฮะ


ผมเดาว่าทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้น่าจะได้ข้อมูลเบื้องต้นที่จะช่วยในการเตรียมตัวก่อนไปอบผิวแทนครั้งแรกกันแล้วจากคำถาม-คำตอบทั้งหมดที่ผมมีให้ใน EP นี้นะครับ เพราะผมก็แอบมองในมุมตัวเองว่าหากผมรู้ข้อมูลเหล่านี้ก่อน มันก็จะช่วยชีวิตและทำให้ผมมั่นใจกับการอบผิวแทนมากขึ้นครับ หากใครมีข้อสงสัยก็สามารถทิ้งไว้ในกล่อง comment ได้เลยนะครับ หรือถ้าอยากได้คำตอบที่ถูกต้องแม่นยำขึ้นก็สามารถติดต่อร้าน BKKSUN Tanning Studio ได้เลยครับ

ใครอบผิวแทนแล้วอย่าลืมเอามาอวดกันบ้างนะฮะ! 😉

0 Shares
Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *