ปกติเวลาออกกำลังกาย ผมก็มักจะเข้าฟิตเนสบ้าง ออกไปวิ่งข้างนอกบ้าง แต่สถานการณ์ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นฝุ่นหรือไวรัส ทำให้ใครหลายคนไม่อยากออกจากบ้านไปออกกำลังกายที่ไหนเลย พาลให้ผมนึกย้อนกลับไป 1 ปีที่แล้วสมัยเรียนอยู่ที่อังกฤษ เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่หนาวมากจนต้องยอมยกธงขาว เลิกออกจากบ้านไปฟิตเนสเพราะเกลียดอากาศเย็นเป็นที่สุด ตอนนั้นผมขังตัวเองอยู่ในบ้าน ผมก้มมองหน้าท้องตัวเองที่กำลังกลายเป็นพุงบวมขึ้นทุกวันบ่อยๆ จนถึงจุดแตกหักที่คิดว่า เราจะรอให้สถานการณ์ข้างนอกมันดีแล้วค่อยออกไปสร้างซิกแพคไม่ได้แล้วแหละ ถ้าเราเปลี่ยนอากาศไม่ได้ ทำไมเราถึงไม่ลองเปลี่ยนตัวเราเองดูล่ะไอ้บ้าเอ้ย! สุดท้ายก็เลยตัดสินใจดาวน์โหลดแอพออกกำลังกายแบบบอดี้เวท ที่ไม่ต้องมีอุปกรณ์ก็เล่นคูลๆ ได้มา “ออกกำลังกายที่บ้าน” มันซะเลย
“บอดี้เวท” คืออะไร?
อธิบายอย่างง่าย ถ้าเวทเทรนนิ่ง (weight training) ในฟิตเนส คือการออกกำลังกายโดยใช้น้ำหนักจากอุปกรณ์ต่างๆ เจ้าบอดี้เวท (bodyweight) มันก็คือการใช้น้ำหนักตัวของเราในการออกกำลังกายครับ และท่าที่เล่นส่วนมากจะเป็นท่าแบบ compound movement หรือท่าที่ต้องใช้กล้ามเนื้อหลายๆ มัดร่วมกันในการออกกำลังกาย และจากประสบการณ์ตรง พูดจากใจจริงครับ มันดูเหมือนจะไม่เหนื่อย แต่พอได้เล่นจริงๆ มันเหนื่อยมากกกกกกกกกกกกก (คิดว่า ก.ไก่ เท่านี้ก็คงไม่พอ) การที่จะรักษาไว้ซึ่งวินัย ผมต้องต่อสู้กับความคิดและความขี้เกียจของตัวเองพอสมควร หลายครั้งที่นั่งทำใจครึ่งชั่วโมงก่อนจะเริ่มเล่น แต่ก็ลงเอยด้วยความฟินหลังจากเล่นเสร็จทุกครั้งไป
“ออกกำลังกายที่บ้าน” ได้ผลจริงเหรอ?
นี่คือคำถามที่หลายคนน่าจะกำลังสงสัย ออกกำลังกายที่บ้าน มันช่วยให้มีซิกแพคหรือเบิร์นได้ดีจริงๆ เหรอ และผมก็ขอตอบว่า “เฮ้ย ได้ผลสิ” บอดี้เวทช่วยเบิร์นเยอะมากกว่าที่ผมคิดไว้อีกครับ และไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อะไรเลย ขอแค่พื้นที่ว่างๆ เล็กๆ ที่ข้างๆ หรือปลายเตียง ห้องครัว หรือโถงทางเดินก็สามารถเล่นได้แล้ว ถ้าใครที่ฟอล instagram ผมอยู่สมัยที่ผมยังเรียนอยู่ที่อังกฤษ จะเห็นผมโพสรูปและคลิปก่อน – หลังออกกำลังกายเยอะมากในช่วง 3 เดือน (มกราคม – เมษายน 2019) และผมก็ภูมิใจกับผลลัพธ์ที่ออกมาหลังจากเล่นไป 12 สัปดาห์มากๆ ครับ
ผลลัพธ์ที่ชัดๆ เลยคือร่างกายกระฉับกระเฉงขึ้น น้ำหนักลดลงไปบ้าง ห่วงยางหน้าท้องหายไปและเผยให้เห็นกล้ามท้องที่ซ่อนอยู่ใต้ชั้นไขมันอย่างชัดเจนขึ้นครับ มีคนถามว่า “ต้องเล่นท้องเยอะเลยใช่ไหม?” ไม่ครับ! ตลอด 12 สัปดาห์นี้ผมไม่ได้เล่นท้องเยอะเลย ความจริงแล้ว ผมว่ากุญแจสำคัญคือการออกกำลังกายกล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆ เช่นขา ซึ่งมีเยอะมากตลอดโปรแกรม ร่วมกับกล้ามเนื้อมัดเล็กอื่นๆ เช่นไหล่ แขน ซึ่งจะต้องเผาผลาญพลังงานเยอะ ทำให้ไขมันที่ถูกสะสมในส่วนต่างๆ ของร่างกายรวมถึงหน้าท้องถูกดึงไปใช้เยอะครับ นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องการคุมอาหาร ผมงดของทอด คุมของหวาน กินผักเยอะขึ้นต่อมื้อโดยเฉพาะบรอกโคลี น้ำหนักผมลดลงไป 3 กิโลกรัม ท้องลีนลงอย่างเห็นได้ชัดเจน เช่นเดียวกันกับซิกแพคที่โผล่มาให้เห็นตลอดวันมากขึ้น
แล้วใช้แอพอะไร?
ผมใช้แอพ “adidas training” ครับ เป็นแอพออกกำลังกายแบบบอดี้เวท ซึ่งมีทั้งแบบเล่นฟรี ไม่เสียเงินเลย แต่ถ้าเสียเงินเพิ่มเพื่อ Premium Membership ก็จะได้เล่นโปรแกรมอื่นๆ ที่มีอีกมากมายเช่น 12-week body transformation ที่ผมเล่นอันนี้ครับ โดยแอพก็จะจัดสรรท่าเล่นให้เหมาะกับเรา สำหรับเรื่องท้องที่หลายคนถาม แอพนี้จัดให้ผมเล่นบอดี้เวทแบบเน้นท้องจริงๆ แค่สัปดาห์ละหนึ่งวันเท่านั้นและผมไม่ได้เล่นท้องเพิ่มเองนอกจากนี้อีกเลย เรายังสามารถเลือกได้ว่าจะเล่น 3, 4 หรือ 5 วันต่อสัปดาห์ และแอพจะให้เราประเมินหลังเล่นเสร็จแต่ละครั้งด้วยครับว่าวันนี้ยากไปหรือง่ายไป รวมถึงมีเทคนิคการกินและพักผ่อนให้ทุกสัปดาห์ เอาไปปรับใช้กันได้ครับ
ทีนี้เวลาไปเที่ยว ไปทำงาน หรือจะหนีฝุ่นอยู่บ้านก็สามารถลองเปิดเล่นสนุกๆ กันได้ครับ เรื่องแบบนี้ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งได้เปรียบฮะ การดูแลตัวเองแม้จะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนในวันนี้ แต่มันเป็นเรื่องสำคัญ หากเราปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไม่ใส่ใจเลย การดูแลตัวเองอาจจะกลายเป็นเรื่อง “ฉุกเฉิน” ในวันที่ใกล้จะสายไปครับ ดังนั้น หากใครกำลังลังเลว่าจะเสียเงินราวๆ 1,500 บาท/ปี แลกกับการได้ผู้ช่วยออกกำลังกายดีมั้ย ผมก็อยากให้มองว่าการเสียเงินเพื่อดูแลสุขภาพตัวเองมันคือการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยมากและจะไม่มีวันขาดทุนถ้าเรา “ให้ความสำคัญ” และ “ให้เวลา” กับมันฮะ 😘
หากใครสนใจลองโหลดแอพมาใช้ดูได้เลยครับ หรือถ้าใครกำลังใช้แอพอื่นที่เจ๋งๆ นอกจาก adidas training ก็ลองแนะนำเข้ามาผ่าน comment ด้านล่างนี้ได้เลยนะครับ
2 comments
เคยลองทำตามอยู่ช่วงหนึ่ง แต่สุดท้ายแพ้ใจตัวเอง 555555555
กลับไปพักรบให้หายเหนื่อย แล้วกลับไปรบกันมันใหม่ก็ได้ครับ ผมเป็นบ่อยมาก 5555