เที่ยวต่างประเทศ แล้วได้อะไร? (ถอดบทเรียนเที่ยว 13 ประเทศใน 1 ปี)

0 Shares
0
0
0

ระหว่าง 1 ปีที่ผมเรียนที่อังกฤษ เพื่อนถาม… “ตอนเรียนที่นั่นได้เที่ยวบ้างหรือเปล่า” ผมตอบ… “อื้มมม ก็เที่ยวบ้างนะ ไม่ค่อยบ่อย” ตอนตอบไม่ได้คิดอะไรครับ แต่พอมาลองนับจริงๆ ถึงรู้ว่าตัวผมตลอดปี 2019 เที่ยวต่างประเทศ 13 ประเทศ! แน่นอนครับ เพื่อนมันต้องถามต่อ “เธอๆ ตกลงเธอมาเรียนหรือมาเที่ยว?” และคำตอบคือเรียนที่มหาวิทยาลัยอย่างเดียวมันพอเสียที่ไหนเล่า ถ้าสามารถนั่งเครื่องบินไปฝรั่งเศสได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง ทำไมถึงจะไม่ใช้โอกาสนี้ออกไปเรียนรู้นอกสถานที่บ้าง มันน่าจะให้อะไรดีๆ กับชีวิตในแบบที่อาจจะไม่คาดคิดมาก่อนก็ได้

แนวคิดนี้อาจจะขัดแย้งอย่างรุนแรงกับคนที่มองว่าการเที่ยวต่างประเทศเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยสิ้นเปลือง แต่ผมขอยืนยันด้วยประสบการณ์ที่ไปตะลุย -เที่ยวต่างประเทศ- ว่าการไปเยือนที่แปลกถิ่นมันคือการพาตัวเองออกไปสู่โหมดเรียนรู้ ซึ่งการเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องเกิดภายในรั้วสถานศึกษา การนั่งทำการบ้านหาข้อมูลของสถานที่ที่จะไป วางแผนการเที่ยวแต่ละวัน หาตั๋วเครื่องบิน หาที่พัก ศึกษาการเดินทางภายในประเทศ ลองกินอาหารพื้นเมือง ลองทำกิจกรรมที่ไม่เคยทำก็สามารถสร้าง “ความเข้าใจ” ที่เราจะไม่ลืมไปอีกนานแสนนานได้ นอกจากนี้ยังทำให้เห็นภาพของตัวเองชัดขึ้นหลังปิดสมองส่วน “ออโตไพล็อท” และเปิดโหมด “แมนนวล” ระหว่างเที่ยวด้วยครับ


เพราะทำการบ้านจึงเข้าใจมากขึ้น

การทำการบ้านจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเจอเรื่องเซอร์ไพร์ส (ในทางที่ไม่ค่อยดีนัก) เราจะได้เที่ยวอย่างสนุกและสบายใจขึ้น

อากาศทางฝั่งยุโรปซับซ้อนซ่อนเงื่อนกว่าบ้านเรามาก คนไทยไม่น้อยจึงมักจะพลาดเพราะคิดว่าภายในหนึ่งวันอากาศคงนิ่ง ไม่แปรปรวนเท่าไหร่ ดังนั้นการเช็คสภาพอากาศรายวันหรือรายชั่วโมงจึงสำคัญมากครับ เพราะมันไม่ได้กระทบเพียงแค่การเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะเท่านั้น แต่รวมไปถึงทัศนียภาพที่เราจะมีโอกาสได้เห็น ซึ่งส่งผลโดยตรงกับการวางแผนเที่ยวโดยใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดในแต่ละวัน ประเทศที่ผมไปมาแล้วต้องลงไปกราบให้กับความแปรปรวนของอากาศที่สุดคือไอซ์แลนด์ (Iceland) เพราะอากาศมันเปลี่ยนทุกๆ 5 นาทีจริงๆ ตอนนี้หิมะตกหนัก อีกสักพักแดดเปรี้ยง ต่อมาอีกแป๊ปนึงมีเมฆและฝนตก ไอ้หยาาา เดาใจยากจริงๆ

Kirkjufell in Iceland


ภาพนี้ถ่ายที่ คีร์กจูเฟล (Kirkjufell) ภูเขาที่เนื้อหอมที่สุดในไอซ์แลนด์ในหมู่นักถ่ายรูปผมถ่ายภาพนี้เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2019 หิมะท่วมสูงถึงครึ่งขา แต่เพื่อนที่ไปที่นี่ก่อนผม 2 วัน พบกับภูเขาที่แห้งสนิท เห็นทั้งพื้นดินและหญ้าเป็นสีเขียวแซมน้ำตาล เหมือนไปกันคนละฤดูเลยครับ

สำหรับเว็บไซต์ที่ผมมักจะใช้เช็คสภาพอากาศคือ https://www.accuweather.com ครับ เว็บไซต์นี้อัพเดตรายวันเลยทีเดียว จะไปที่ไหนก็สามารถบุ๊คมาร์คเอาไว้เช็คล่วงหน้าได้ตลอดครับ

อีกเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าจำเป็นอย่างยิ่งในการเที่ยวคือการเดินทางภายในประเทศ มันคงไม่ได้มีทุกประเทศที่มีรถไฟบริการอย่างสะดวกสบายนั่งไปไหนก็ถึงเหมือนญี่ปุ่น ไต้หวัน หรือสิงคโปร์ ถ้าใครไม่ขับรถเที่ยว แท็กซี่ก็เป็นตัวเลือกที่เลี่ยงไม่ได้ เลยต้องศึกษาอีกว่าประเทศนั้นมีบริการแท็กซี่แบบไหนบ้าง บางประเทศอาจจะยังมี Uber บางประเทศอาจจะเป็นอย่างอื่น ต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่ทำให้การเตรียมตัวเรื่องนี้ง่ายขึ้น

แอพลิเคชั่นที่ผมเคยใช้ตอนไปเที่ยวประเทศต่างๆ เท่าที่จำได้ดังนี้ครับ: “Uber” ยังใช้ได้อยู่ที่อังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ ตุรกีเฉพาะในอิสตันบูล / “eCabs” ใช้ในมอลต้า สามารถตั้งเวลาล่วงหน้าได้ว่าจะให้มารับกี่โมง / “Beat” สำหรับกรีซ ซึ่งผมใช้ที่เอเธนส์ การใช้งานง่ายเหมือน Uber เลย

สำหรับคนที่จะไปกรีซ (Greece) แล้วจะนั่งเรือจากเอเธนส์ (Athens) ไปยังเกาะต่างๆ เช่น ซานโตรินี (Santori) หรือมิคอนอส (Mykonos) ผมแนะนำให้ซื้อตั๋วเรือเฟอร์รี่จากเว็บไซต์ https://www.ferryhopper.com ครับ มีตัวเลือกเยอะ ไม่แพง และแค่โหลดตั๋วไว้ในโทรศัพท์มือถือเพื่อแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูเวลาจะขึ้นเรือครับ ไม่จำเป็นต้องปริ๊นท์ใดๆ อ้อ ท่าเรือในเอเธนส์มีหลายแห่งครับ เช็คดูให้แน่ใจว่าเราไปท่าเรือไหนกันแน่ เพราะจะได้ไม่พลาด แต่ละที่อยู่ไกลกันพอสมควรเลยครับ

Santorini and its famous view
วิวพันล้านที่ซานโตรินี (Santorini) ประเทศกรีซ (Greece)

การทำการบ้านคือการเตรียมตัว ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการบรรลุเป้าหมายที่คาดหวัง เพราะการเตรียมตัวอาศัยการค้นคว้า และหากได้ค้นคว้าเรื่องที่สนใจจริงๆ เราจะอยู่กับมันได้เป็นชั่วโมง สนุกกับการเปรียบเทียบข้อมูลจากแต่ละแหล่ง ฝึกใช้ทักษะ critical thinking เพื่อวิเคราะห์ หาเหตุผลและเลือกที่จะเชื่อ ความเข้าใจเชิงลึกก็จะเกิดจากตรงนี้แหละครับ และคนที่จะได้ประโยชน์จากการทำการบ้านมากที่สุดคือคนที่วางแผนจัดการทริปนี่แหละฮะ ดังนั้น ใครที่กำลังโดนเพื่อนใช้ให้วางแผนทริปอยู่ ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะครับ นี่มันโอกาสในการเรียนรู้ชัดๆ คนที่ไม่ได้ทำสิต้องอิจฉา 🤩


ได้ปิดโหมด “ออโตไพล็อท” และเปิดโหมด “แมนนวล” ในสมอง

โหมด “ออโตไพล็อท” มันคืออะไร?

การวิจัยของมหาวิทยาเคมบริดจ์ประเทศอังกฤษบอกพวกเราว่าสมองส่วน “ออโตไพล็อท” มีอยู่จริง ซึ่งสมองส่วนนี้ทำหน้าที่คล้ายระบบบินอัตโนมัติ ช่วยเราวิเคราะห์และตัดสินใจได้เร็วขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่เราคุ้นเคยและสามารถคาดเดาสภาพแวดล้อมได้ ผ่านการพิสูจน์มาหลายรอบแล้วว่าสิ่งนี้ถูก สิ่งนี้ผิด ทำอันนี้แล้วเวิร์ค หรือทำแบบนี้แล้วจะไปต่อไม่ได้ จนก่อเป็นแพทเทิร์นการตอบสนอง เช่นน้ององุ่น (นามสมมติ) แอบจองตั๋วเครื่องบินช่วงโปร 0 บาทขณะทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ พอเจ้านายเดินผ่านมา นางก็สามารถพับหน้าจอเว็บไซต์ตั๋วเครื่องบินลง แล้วเปิดสเปรดชีตในเอ็กเซลที่กำลังแสดงผลจากสูตร VLOOKUP กลับขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าเครียดได้อย่างแนบเนียนไม่มีพิรุธ ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติและไม่ต้องพยายามอะไรเลย เพราะอะไรน่ะเหรอครับ… เพราะองุ่นผ่านสถานการณ์แบบนี้มาแล้วเป็นสิบครั้ง

ทีนี้พอเรากำลังเจอกับสิ่งใหม่ๆ โหมดออโตไพล็อทจะถูกปิดและสมองส่วน “แมนนวล” จะทำงานทันทีเพื่อจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างตั้งใจ ซึ่งขณะที่สมองส่วนนี้ทำงานในช่วงที่ผมกำลังเที่ยว ผมได้มีโอกาสกลับมาสำรวจตัวเองและใช้สติให้มากกว่าช่วงที่ผ่านมา รวมถึงรู้จักตัวเองมากขึ้นในแง่มุมที่ผมไม่เคยเห็นตัวเองมาก่อนเลย ผมยังจำสถานการณ์ที่ต้องขับรถพวงมาลัยฝั่งซ้ายที่ต่างประเทศเป็นครั้งแรกที่ซานโตรินีได้ดี 2 ชั่วโมงแรกที่โหมดแมนนวลทำงาน ผมหมดพลังไปกับการจดจ่อ ดูเส้นทาง ศึกษาวิถีการขับรถ ยูเทิร์นและเปลี่ยนเลนของคนที่นี่ เรื่องนี้ทำให้ผมย้อนกลับมามองตัวเองสมัยหัดขับรถที่ไทย เราจะเก่งขึ้นไม่ได้ถ้าเราไม่เผชิญหน้ากับความกลัว ซึ่งมันจะอยู่กับเราในช่วงแรกๆ แต่สักพักเราก็จะค่อยๆ เปลี่ยนไปรับมือกับสิ่งที่เรากลัวผ่านโหมดออโตไพล็อทโดยไม่ทันได้รู้ตัว

Iceland map
บนแผนที่ไอซ์แลนด์ เส้นสีเหลืองทีถนนหลักหมายเลขหนึ่ง หรือ Ring Road ซึ่งเป็นทางหลวงสายเดียวของประเทศ ส่วนบริเวณที่ปักหมุดคือจุดที่ผมเข้าไปขี่ snowmobile ครับ

เรื่องที่พลาดไม่ได้ถ้าไปไอซ์แลนด์คือการจองทัวร์ไปขี่ snowmobile สำหรับผม นอกจากจะได้ประสบการณ์สุดระทึกจากการขี่ท่ามกลางพายุหิมะที่ทำให้ทุกสิ่งที่เห็นข้างหน้าเป็นสีขาวโพลนโทนเดียวกันตั้งแต่ฟ้าจรดทรายแล้ว ผมก็ยังได้เรียนรู้อีกเรื่องหนึ่งที่อยากรู้มานาน คือถ้าสังเกตแผนที่ประเทศไอซ์แลนด์ดีๆ จะเห็นว่าถนนหลักหมายเลข 1 หรือ Ring Road (ที่ทั้งประเทศมีอยู่เส้นเดียวด้วยอีกต่างหาก) ถูกตัดให้วิ่งลัดเลาะริมทะเลรอบประเทศ ซึ่งข้อสงสัยของผมก็คือ แล้วด้านในที่กินพื้นที่อีกเกินครึ่งประเทศนี่มันมีอะไรอ่ะ ทำไมมันถึงไม่มีถนนทางหลวงหลักตัดเข้าไปเลย จนกระทั่งวันที่ทัวร์มารับไปขี่ snowmobile ยังพื้นที่ด้านในเนี้ยแหละฮะ ทำให้ถึงบางอ้อว่า มันไม่มีอะไรเลยยยยย ทางลูกรังที่รถทั่วไปวิ่งได้ยังไม่มี จะเข้าไปได้ต้องเป็น off-the-road รุ่นปลุกเสกที่สามารถรองรับแรงกระเทือนขั้นสุดได้เท่านั้น อารมณ์แบบว่าเหมือนมีแผ่นดินไหว 7 ริกเตอร์ ก้นไม่เคยติดเบาะแทบจะตลอดเวลา 1 ชั่วโมงที่นั่งเข้าไป ใครเมารถง่ายขอให้ติดยาแก้เมารถไปด้วยครับ ผมเตือนแล้วนะ ผมเตือนแล้วน้าาาาาา

Inside the base camp
ภาพจากห้องแต่งตัวที่ Base camp ก่อนออกไปตะลุยพายุหิมะขี่ snowmobile ครับ
Leaving the base camp
กว่าจะได้ขึ้นขี่ snowmobile นี่ก็ล้มลุกคลุกคลานกันหน้า Base camp หลายเทคอยู่ครับ 5555
Snowmobile
Snowmobile ที่จอดทิ้งไว้แป๊ปเดียว พายุก็พัดเอาหิมะมาปกคลุมรถอีกขลักหนึ่ง

ส่วนตัวทัวร์ โดยรวมสนุกมากครับ staff จะสาธิตวิธีการขี่และบังคับทิศทางให้ทุกคนก่อน และย้ำว่าให้ขี่เป็นแถวเรียงหนึ่งเพราะทัศนวิสัยตรงนี้แย่มากและอาจหลงได้ง่ายๆ ส่วนการขี่นี่หนักและยากกว่าที่คิด เพราะพื้นหิมะมันนุ่ม การรักษาสมดุลจึงไม่ง่ายเลยครับ ผมก็เลยถือโอกาสสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตให้ตัวเองด้วยการซิ่งจนคว่ำไป 2 รอบ (ถือว่าคุ้มละ) ข้อมือซ้ายปวดไปครึ่งปี ต้องขออภัยที่ไม่มีรูปหรือคลิปตอนขี่เลยฮะ เนื่องจากทุกคนโดนกำชับว่าห้ามถ่ายภาพระหว่างที่ snowmobile เคลื่อนที่ เพราะมันอันตรายและเสี่ยงต่อการชนกันหรือพลัดหลง ใครสนใจลองเข้าไปดูในทัวร์ของ Arctic Adventures ราคา ณ วันที่ผมไปคือ 165 ยูโร หรือตกอยู่ที่ราวๆ 6,000 บาทต่อคน ใช้เวลาเดินทางจากน้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) ซึ่งเป็นจุดนัดพบ 1 ชั่วโมง และขี่จริงด้านนอกอีก 1 ชั่วโมงกว่าๆ สิริรวมไปกลับแล้วให้เผื่อเวลาสำหรับทัวร์นี้อย่างน้อย 4 ชั่วโมงครับ

Failed attempt to scuba dive at Red Sea in Egypt
ผมขณะกำลังหมดสภาพหลังพยายามลงไปสคูบ้าไดฟ์ที่ทะเลแดงในอียิปต์ถึง 2 รอบแต่ไม่สำเร็จ
Carrick-a-Rede Rope Bridge in Northern Ireland
สะพานเชือก คาร์ริก อะ รีด ที่ไอร์แลนด์เหนือ ที่ผมแทบจะต้องกลั้นหายใจขณะเดินข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง

ส่วนประสบการณ์ที่น่ากลัวที่สุดในการเที่ยวปีที่ผ่านมาคงเป็นการพยายามลงไปดำน้ำแบบสคูบ้าไดฟ์ครั้งแรกที่ทะเลแดง (Hurghada Red Sea) ในอียิปต์ (Egypt) ถึง 2 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ น่าจะเป็นเพราะโรคกลัวน้ำลึกและประสบการณ์ที่เคยจมน้ำในตอนเด็กที่มันยังหลอกหลอนทุกครั้งเวลาลงน้ำลึก ได้รู้ตัวเองก็ตอนนี้แหละครับ อีกอันคือเดินข้ามสะพานเชือก คาร์ริก อะ รีด (Carrick-A-Rede Rope Bridge) ที่ไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland) ที่ทำให้รู้ว่าตัวเองกลัวความสูงกว่าที่คิดไว้เสียอีก

Rowing boat in Lago de Braise, Italy
“เฮ้ยพายไม่ไปหว่ะ ช่วยด้วย” ผมขณะพยายามขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเพราะพายเรือในทะเลสาบบรายเอียซที่อิตาลีแล้วเรือไม่เคลื่อน 555
Camel ride
ขี่อูฐกลางทะเลทรายครั้งแรกที่พิระมิดในกีซา ประเทศอียิปต์ ยากกว่าที่คิด 🙂

นอกจากนี้ก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่ผมไม่เคยทำมาก่อนซึ่งถือเป็นการออกกำลังสมองส่วนแมนนวลของผมอย่างเต็มที่ครับ ไม่ว่าจะเป็น พายเรือที่ทะเลสาบบรายเอียซ (Braise) ในอิตาลี (Italy) แต่เรือแทบไม่ขยับ (ขำมาก 555) ขี่อูฐที่พิระมิดในกีซา (Giza) ซึ่งยากกว่าที่คิดมาก ถ้ากำลังแขนไม่แข็งแรงก็สามารถลงจากหลังอูฐได้ทุกเมื่อโดยไม่ต้องต่อรองทิปค่าลง (เพราะตกลงมานั่นเอง) และการเดินเทรคกิ้งในทุกประเทศในสหราชอาณาจักร (United Kingdom) และอีกหลายประเทศในยุโรป แค่ฟังเสียงลม เสียงแกะ วัว เสียงใบไม้เสียดสีกันก็ทำให้ผมรู้สึกสงบได้อย่างประหลาด สมาธิพุ่งถึงขั้นสูงสุด เพราะต้องใช้สายตาสำรวจเส้นทางข้างหน้าในระยะยาวสลับกับระยะสั้นเพื่อการก้าวเท้าที่สัมพันธ์กันโดยไม่ลื่นล้ม กระนั้นก็ยังมีอุปสรรคบ้างเช่นมีฝน หิมะ หรือแม้กระทั่งลูกเห็บตกลงมาขณะเดิน อ้อ และยังได้ไปเทรคกิ้งบนภูเขาน้ำแข็งที่ สคัฟทาเฟลสโยคุท (Skaftafellsjökull) ด้วยครับ ไม่หนาวอย่างที่คิดแฮะ กลายเป็นว่าเทรคกิ้งคือเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับผมตอนอยู่ยุโรปเลย

Trekking and Malham Cove, England
เทรคกิ้งที่มอลแลมโคฟ (Malham Cove) ประเทศอังกฤษ
Trekking at Dolomite, Italy
เทรคกิ้งแบบจริงจังและโครตสนุกที่โดโลไมท์ (Dolomite) ประเทศอิตาลี (Italy) ครับ

ผมยังได้ไปลองอาบน้ำแบบเติร์กกิชบาธ (Turkish Bath) หรือที่เค้าเรียกว่า ฮามัม (Hamam) โดยผมไปใช้บริการที่ Kilic Ali Pasa Hamam ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นฮามัมที่ดีที่สุดซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี 1580 (400 กว่าปีแล้ว) สถานที่สะอาด ใหม่ มีบริการเครื่องดื่มต้อนรับฟรีทั้งก่อนและหลังฮามัม พนักงานบริการอย่างสุภาพและเป็นกันเอง ที่นี่จะเปิดให้บริการสำหรับผู้หญิงและผู้ชายคนละช่วงกันครับ ที่สำคัญคือต้องจองผ่านทางเว็บไซต์ของร้านโดยระบุวันและเวลาเข้าใช้บริการครับ ทั้งกระบวนการเริ่มจากการแก้ผ้า นั่นคือต้องถอดหมดเลย เหลือแค่ผ้าขาวม้าสำหรับนุ่งกับรองเท้าแตะกันลื่นเท่านั้น หลังเปลี่ยนชุดจะมีคนราดน้ำอุ่นให้หนึ่งครั้ง จากนั้นก็ไปนอนรอคิวบนหินอ่อนร้อนๆ ให้เหงื่อขับสิ่งสกปรกออกมา แล้วพนักงานจะเรียกเราไปอาบน้ำขัดตัวและนวดให้ ระหว่างนั้นไม่ได้แก้หมดครับ พนักงานแค่จะถอดผ้าของเราแล้วเอามาปิดน้องชายไว้เท่านั้น ตอนแรกๆ รู้สึกแปลกๆ ไม่คุ้นชิน แต่สักพักก็เริ่มเอนจอยไปกับมัน 😄 ตอนขัดนี่ทั้งคราบทั้งขี้ไคลออกมาหมด ตอนนวดศีรษะและคอก็ผ่อนคลายเอาเสียมากๆ เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดีฮะ ผู้คนที่นี่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดที่จะสัมผัสตัวกัน และฮามัมก็เป็นกิจกรรมหนึ่งที่สะท้อนวัฒนธรรมของตุรกีได้เป็นอย่างดี

Hamam in Turkey
(ซ้าย) เปลี่ยนชุดก่อนเข้าไปฮามัม (ขวา) หลังเสร็จจากฮามัม มานั่งดื่มน้ำที่ล็อบบี้ พร้อมนอนครับ :p

แม้ว่าเราจะทำการบ้านเกี่ยวกับประเทศที่จะไปมาดีแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางรู้เลยว่าในความเป็นจริงมีอะไรรออยู่ข้างหน้า การเปิดโหมดแมนนวลเพื่อรับมือกับปัญหาและสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยจะทำให้เราได้เห็นสัญชาตญาณและกำลังภายในที่ซ่อนอยู่ อาจจะได้เห็นว่าตัวเองทำอะไรได้มากกว่าที่คิดหรืออาจจะทำอะไรไม่ได้ดีเหมือนที่คิด และนั่นทำให้เราเห็นภาพความเป็นตัวเองชัดขึ้นครับ


เที่ยวต่างประเทศ ได้มากกว่าแค่ออกไปเห็น…

ถ้าแค่อยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ ที่เราอยู่ทุกวัน เราก็จะไม่รู้ตัวเองไปมากกว่าที่เรารู้ตอนนี้หรอกครับ แต่พอออกไปยังที่ที่เราไม่คุ้นเคย เราจะพบว่าได้อะไรมากกว่าแค่การออกไปเห็นเยอะ เราจะรู้ได้ไงว่าเราชอบดำน้ำ ชอบกระโดดบันจี้จั๊มพ์ (อันนี้ผมก็ไม่เคยนะ) ชอบกินอาหารพื้นเมืองของไอซ์แลนด์ (แต่ผมคนหนึ่งที่รู้ตัวเองแล้วว่าไม่ชอบ) ถ้าไม่ออกไปสัมผัสด้วยตัวเอง ผมเชื่อว่าการเที่ยวคือการลงทุนกับตัวเองในรูปแบบหนึ่ง ที่ไม่ต่างไปจากการออกไปทัศนศึกษาเชิงปฏิบัติการเหมือนที่เราเคยได้สัมผัสสมัยเด็กๆ เพียงแต่ครั้งนั้นมีคุณครูพาไป แต่ตอนนี้คือตัวเราแล้วครับ ที่เลือกที่จะสร้างการเติบโตให้ตัวเองผ่านการเที่ยว หนึ่งทริปที่เกิดขึ้น เราได้เรียนรู้อะไรกับตัวเองบ้าง ได้รับไอเดียใหม่ๆ ความสนใจใหม่ๆ ของสะสมใหม่ๆ แรงบันดาลใจใหม่ๆ หรือได้จดจำอีกโมเม้นท์ดีๆ ที่ในชีวิตนี้จะไม่ลืมจากการไปประเทศนั้นบ้างไหม

Northern Light at Akureyri, Iceland
แสงเหนือที่อคูเรย์รี (Akureyri) ในไอซ์แลนด์ พวกเราตื่นเต้นกันมากกับแสงเหนือที่เต้นระบำอยู่บนท้องฟ้าและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า เราตะโกนโหวกเหวกจากในห้องครัวว่า “เฮ้ย แสงเหนือมาว่ะ!” และพากันกรูออกไปนอกบ้านขณะเวลา 5 ทุ่มที่แม้จะหนาวโครตๆ แต่มันเป็นโมเม้นท์ที่ประทับใจมากครับ (ภาพโดย Guide Photography)

สุดท้ายนี้ผมต้องขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนที่ได้ร่วมทริปในปีที่ผ่านมาและแบ่งปันช่วงเวลาดีๆ ในกันตลอดทั้งทริปด้วยนะครับ และตอนนี้ก็ล่วงเลยปีใหม่มา 3 สัปดาห์แล้ว การเดินทางครั้งใหม่ๆ ก็ยังรอทุกคนอยู่เช่นกันนะครับ เปิดปฏิทิน เช็ควันหยุดบริษัท วางแผนวันลา ทำการบ้าน ปิดโหมดออโตไพล็อท เปิดโหมดแมนนวล แล้วออกไปเที่ยวต่างประเทศกันเถอะครับ!

0 Shares
4 comments
  1. การเที่ยวทำให้โตขึ้นและได้เห็นอะไรในมุมที่ต่างออกไปจริงๆ ครับ ขอบคุณสำหรับบทความนะครับ
    ป.ล.เห็นน้องต้องไปมาหลายที่ แต่รูปที่ชอบที่สุดคือทริปอิยิปต์ครับ

    1. ขอบคุณครับพี่ทอม ทริปอียิปต์นี่ก็คือที่สุดของที่สุดแล้วจริงๆ ครับ ทั้งความสวยสะพรึง ความโหดของอาหาร ความโหดของคน เปิดโหมดแมนน่วลตลอด 9 วันเลยครับทริปนั้น 😀

      1. เก่งนะครับ เป็นพี่คงไม่ไหวขอบายแน่ๆ 555555

  2. อ่านเพลินเลยค่ะ ชอบมาก ขอบคุณมากค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

You May Also Like

เรียนต่อตอนอายุ 30 ช้าไปไหม?

ด้วยเหตุผลบางประการ ขณะที่อายุ 30 ผมตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่ University of Leeds ประเทศอังกฤษ ผมยังจำความกังวลที่ผุดขึ้นมาในวินาทีที่ผมกำลังจะยื่นใบลาออกได้เป็นอย่างดี เพราะผมไม่มั่นใจในการตัดสินใจของตัวเองเหมือนที่ใครๆ หลายคนก็เป็นและถามกับตัวเองว่า “เรียนต่อตอนอายุ 30 ช้าไปไหม?“ และนอกจากคำถามยอดฮิตนี้แล้ว นี่คือคำถามที่เหลือ (บางส่วน) ที่ผมพยายามหาคำตอบให้กับตัวเองตลอดเวลาครับ…
Read More

แจกฟรี! Spreadsheet template วางแผนงบการเงินประจำปีส่วนตัว

เริ่มปีใหม่แล้ว มาวางแผนงบการเงินส่วนตัวของทั้งปีนี้กันครับ! สมัยที่ผมเริ่มทำงาน ผมมีค่าใช้จ่ายที่ต้องปิดทุกเดือน ผ่อนคอนโด ผ่อนรถ ค่าน้ำมัน ฟิตเนส บิลโทรศัพท์ วัฏจักรการใช้เงินแต่ละเดือนของผมคือ ตอนสิ้นเดือน ก็นำเงินเดือนส่วนหนึ่งที่ได้ไปจ่ายบิลต่างๆ และใช้เงินที่เหลือสำหรับกิน เที่ยว ช้อปปิ้ง แล้วพอเหลือจากตรงนี้เท่าไหร่ก็ค่อยเอาไปออม เป็นแบบนี้วนไปครับ ส่วนเงินก้อนใหญ่ที่ต้องจ่ายหนึ่งครั้งต่อปีอย่างเช่นประกันชีวิต…
Read More

แก้ปัญหา work from hell หยุดทำงานไม่ได้ทั้งๆ ที่อยู่บ้าน

เช้าวันหนึ่งหลังจาก work from home ติดกันมา 3 สัปดาห์ ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับเริมที่ริมฝีปากล่าง ปีศาจที่ผมมักจะเจอเป็นประจำในช่วงที่พักผ่อนน้อย แม้ชั่วโมงทำงานตามสัญญาจ้างจะอยู่ที่ 08:00-17:00 หรือ 9 ชั่วโมงรวมเวลาพักในแต่ละวัน แต่ชั่วโมงทำงานโดยเฉลี่ยของผมที่คอนโดจะเริ่มที่ 9 โมงเช้าและจบลงที่ตี 2…
Read More